วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

เทคนิคการสร้างงานนําเสนออย่างมืออาชีพ ProShow Gold




การติดตั้งโปรแกรม ProShow Gold โปรแกรม ProShow Gold เป็นโปรแกรมสําหรับการเรียงลําดับภาพเพื่อการนําเสนอแบบ มัลติมีเดียที่มีความสามารถ สร้างผลงานได้ในระดับมืออาชีพด้วยเทคนิคพิเศษมากมายใช้งานได้ ง่ายเหมาะสําหรับการสร้างงานนําเสนอสื่อการเรียนการสอน การแนะนําอัตชีวประวัติ สามารถ เขียนชิ้นงานออกมาในรูปแบบของวิดีโอซี




การสร้างงานนําเสนอจากโปรแกรม ProShow Gold
เมื่อเราเตรียมงานเขียนบทลําดับ เรื่อง การเตรียมภาพประกอบ การบันทึกเสียงบรรยายและเสียงประกอบ ไว้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอน สําคัญคือการจัดเรียงลําดับภาพให้สอดคล้องกับเสียงบรรยาย



ขั้นตอนการสร้างงานของเราจากภาพด้านบน ในวงกลมสีแดงคือโฟลเดอร์เก็บภาพและ
เสียงในการสร้างงานของเรา การนําเสนอในตัวอย่างนี้เป็นการทํา Music Video เพลงประกอบ
ภาพ ให้ชื่อว่า My First Time โดยเลือกใช้เพลงสากลชื่อ My First Time เป็นเสียงประกอบไม่มีคําบรรยาย ขั้นตอนการทํางานมี ดังนี้
1. คลิกที่ไฟล์เพลง My First Time ในโฟลเดอร์ Sound แล้วลากมาวางในแถบ Sound
track (โปรแกรมรองรับไฟล์ในหลายฟอร์แมตแต๋ในการใช้งานจริงจะเป็นไฟล์นามสกุล .wav
โปรแกรมจะทําการแปลงเพื่อนําเข้าเองโดยอัตโนมัติ เหตุนี้เองในขั้นตอนการ Export เสียงจาก
โปรแกรม Nero SoundTrax จึงแนะนําให้ส่งออกเป็นไฟล์Wave) รอสักครู่จนกว่าการนําเข้าจะ
สําเร็จ ปรากฏว่า เพลงนี้มีความยาวทั้งสิ้น 3 นาที 15.44 วินาที
2. ขั้นตอนที่สองเราจะเปลี่ยนโฟลเดอร์ไปที่ Images เพื่อเลือกภาพมาวางในช่อง Slide
โดยเริ่มที่การคลิกเมาส์ขวาที่ไสลองแรกเลือก Insert Blank Slide


จากภาพบนจะเห็นว่าเมื่อมีการนําภาพมาเรียงลงในแต่ละไสลด์ จะมีสัญลักษณ์ มาคั่น
ระหว่างภาพแสดงเทคนิคการเลือนภาพเข้าหากันจาก A -> B และมีค่าตัวเลขบอก ระยะเวลาที่ทําการเปลี่ยนภาพมีหน่วยเป็นวินาที และในไสลด์แต่ละช่องจะมีหมายเลขบอกลําดับ ไสลด์ด้าน
ซ้ายมือและมีตัวเลขบอกเวลาการแสดงภาพด้านขวามือมีหน่วยเป็นวินาที
3. เราสามารถแสดงตัวอย่างของงานได้ด้วยการคลิกที่ไสลด์ภาพแรก และคลิกที่ปุ่มเล่น
ในกรอบชุดควบคุมการแสดงภาพตัวอย่าง
4. การปรับแต่งการเปลี่ยนภาพ ถ้าเราต้องการให้โปรแกรมใส่เทคนิคการเปลี่ยนภาพให้
เราเองอัตโนมัติแบบสุ่มก็สามารถทําได้ด้วยการคลิกที่สไลด์ภาพใดๆ แล้วกดปุ่ม Ctrl+A หรือไปที่
เมนู Edit > Select All เพื่อเลือกสไลด์ทั้งหมด แล้วไปที่เมนู Slide > Randomize Transition จะ
เห็นว่าปุ่ม AB ระหว่างสไลด์เปลี่ยนไปหลายรูปแบบ
5. หากต้องการกําหนดการสร้างเทคนิคการเปลี่ยนภาพเองก็สามารถทําได้ โดยเมื่อนํา
เมาส์ไปคลิกที่ปุ่ม AB จะมีกรอบแสดงเทคนิคการเปลี่ยนภาพมาให้เลือกจํานวนมากดังภาพ
เมื่อนําเมาส์ไปวางเหนือรูปแบบใด จะมีภาพตัวอย่างแสดงผลให้ดูที่มุมซ้ายล่าง ด้านขวา
ล้างสุดจะเป็นรูปแบบที่เลือกใช้บ่อยๆ ในการสร้างงานครั้งก่อน (ถ้ายังไม่เคยใช้งานปุ่มจะมีจํานวน
น้อยกว่านี้) ส่วนแถวบนถัดไปเป็นปุ่มเทคนิคมาตรฐานที่เลือกใช้บ่อยสุด
6. นอกจากเทคนิคพิเศษการเปลี่ยนภาพแล้ว ยังมีเทคนิคการเคลื่อนที่ของภาพในแต่ละ
สไลด์เพื่อทําให้เกิดความรู้สึกเสมือนหนึ่งมีการเคลื่อนไหวของกล่อง เช่น การขยับกล่องจากซ้ายไป
ขวา หรือขวาไปซ้าย (PAN) การดึงภาพเข้ามาใกล้หรือถอยออกมาไกล (Zoom in and Zoom out)
หรือการก้ม/เงยกล้องจากบนลงล่างหรือล่างขึ้นบน (Tilt up or Tilt down)
วิธีการง่ายๆ สําหรับมือใหม่หัดสร้างงานนําเสนอ คือการเลือกไสลด์ทั้งหมด (คลิกที่ไสล์ใดๆ กดปุ่ม Ctrl + A) แล้วไปที่เมนู Slide > Random Motion Effect โปรแกรมจะทําการสุ่มใส
เทคนิคพิเศษให้กับสไลด์แต่ละภาพอย่างอัตโนมัติและมีความต่อเนื่องสัมพันธ์กันให้ทันที
7. ในกรณีที่ไม่ต้องการให้โปรแกรมใส่เทคนิคพิเศษการเคลื่อนที่ของภาพให้ เราสามารถ
ทําการปรับแต่งในแต่ละสไลด์ได้โดยตรงด้วยการดับเบิ้ลคลิกที่สไลด์ที่ต้องการกําหนดจะปรากฏว่า
มีกรอบการกําหนด Motion and Effects ขึ้นดังภาพบน ในภาพซ้ายคือจุดเริ่มต้นแสดง
ไสลด์ ภาพขวาคือจุดสิ้นสุดการแสดงไสลด์ เราสามารถปรับเปลี่ยนตําแหน่งภาพด้วยการใช้เมาส์
คลิกที่ภาพเลื่อนไปตําแหน่งที่ต้องการได้โดยตรงทั้งสองภาพ หรือหากต้องการความละเอียด
สามารถกําหนดค่าตัวเลขในช่องด้านบนได้ (ในกรอบสว่างภายในภาพคือบริเวณแสดงผลจริงของ งานที่ปรากฏบนจอ)

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา

ทฤษฎีทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา
1. การสื่อสารการเรียนรู้การสื่อสาร หรือ การสื่อความหมาย (Communication) หมายถึง การถ่ายทอดเรื่องราว การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การแสดงออกของความคิดและความรู้สึก เพื่อการติดต่อสื่อสารข้อมูลซึ่งกันและกัน (กิดานันท์ มลิทอง, 2540) รูปแบบของการสื่อสาร แบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ คือ
1.1) การสื่อสารทางเดียว (One-Way Communication) เป็นการส่งข่าวสารหรือการสื่อความหมายไปยังผู้รับแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่ผู้รับไม่สามารถตอบสนองทันที (Immediate Response) กับผู้ส่ง แต่อาจจะมีผลป้อนกลับไปยังผู้ส่งในภายหลังได้ การสื่อสารในรูปแบบนี้จึงเป็นการที่ผู้ส่งและผู้รับไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันได้ทันที
1.2) การสื่อสารสองทาง (Two-Way Communication) เป็นการสื่อสารหรือการสื่อความหมายที่ผู้รับมีโอกาสตอบสนองมายังผู้ส่งได้ในทันที โดยที่ผู้ส่งและผู้รับอาจจะอยู่ต่อหน้ากันหรืออาจอยู่คนละสถานที่ก็ได้ แต่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถมีการเจรจาหรือการโต้ตอบกันไปมา โดยที่ต่างฝ่ายต่างผลัดกันทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ส่งและผู้รับในเวลาเดียวกันดังนั้น ในการที่จะเกิดการเรียนรู้ขึ้นได้นี้ มักจะพบว่าต้องอาศัยกระบวนการของการสื่อสารในรูปแบบของการสื่อสารทางเดียวและการสื่อสารสองทาง ในลักษณะของการให้สิ่งเร้าเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีการแปลความหมายของเนื้อหาบทเรียนนั้น และให้มีการตอบสนองเพื่อเกิดเป็นการเรียนรู้ขึ้น ลักษณะของสิ่งเร้าและการตอบสนองในการสื่อสารนี้ หมายถึง การที่ผู้สอนให้สิ่งเร้าหรือส่งแรงกระตุ้นไปยังผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนมีการตอบสนองออกมา โดยผู้สอนอาจใช้สื่อโสตทัศนูปกรณ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เป็นผู้ส่งเนื้อหาบทเรียน ส่วนการตอบสนองของผู้เรียน ได้แก่ คำพูด การเขียน รวมถึงกระบวนการทั้งหมดทางด้านความคิด การเรียนรู้ การเรียนรู้ซึ่งอาศัยรูปแบบการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับการให้สิ่งเร้าหรือแรงกระตุ้น การแปลความหมาย และการตอบสนองนั้น มีดังนี้ - การเรียนรู้ในรูปแบบการสื่อสารทางเดียว เช่น การสอนแก่ผู้เรียนจำนวนมากในห้องเรียนขนาดใหญ่โดยการฉายวีดิทัศน์ โทรทัศน์วงจรปิด หรือวิทยุและโทรทัศน์การศึกษาแก่ผู้เรียนที่เรียนอยู่ที่บ้าน ซึ่งการเรียนการสอนในลักษณะเช่นนี้ควรจะมีการอธิบายความหมายของเนื้อหาบทเรียนให้ผู้เรียนเข้าใจก่อนการเรียน หรืออาจจะมีการอภิปรายภายหลังจากการเรียน หรือดูเรื่องราวนั้นแล้วก็ได้ เพื่อให้ผู้เรียนมีความเข้าใจและแปลความหมายในสิ่งเร้านั้นอย่างถูกต้องตรงกัน จะได้มีการตอบสนองและเกิดการเรียนรู้ได้ในทำนองเดียวกัน
- การเรียนรู้ในรูปแบบการสื่อสารสองทาง อาจทำได้โดยการใช้อุปกรณ์ประเภทเครื่องช่วยสอน เช่น การใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยหรือการใช้เครื่องช่วยสอน เนื้อหาจะถูกส่งจากเครื่องไปยังผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนทำการตอบสนองโดยส่งคำตอบหรือข้อมูลกลับไปยังเครื่องอีกครั้งหนึ่ง การเรียนการสอนในลักษณะนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น ความฉับพลันของการให้คำตอบจากโปรแกรมบทเรียนที่วางไว้เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้เรียน เป็นการทำให้ง่ายต่อการเรียนรู้และทำให้การถ่ายทอดความรู้บรรลุผลด้วยดี เป็นต้นถึงแม้ว่าการเรียนรู้ในรูปแบบการสื่อสารสองทางนี้จะมีประสิทธิภาพดีต่อการเรียนรู้มากกว่าการสื่อสารทางเดียวก็ตาม แต่บางครั้งแล้วในลักษณะของการศึกษาบางอย่างมีความจำเป็นต้องใช้การเรียนการสอนในรูปแบบการสื่อสารทางเดียว เพื่อการให้ความรู้แก่ผู้เรียน ทั้งนี้เพราะจำนวนผู้เรียนอาจจะมีมาก และมีอุปกรณ์ช่วยสอน ไม่เพียงพอ เป็นต้น

สื่อการสอน (Instructional Media) หมายถึง สื่อชนิดใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นเทปบันทึกเสียง สไลด์ วิทยุ โทรทัศน์ วีดิทัศน์ แผนภูมิ ภาพนิ่ง ฯลฯ ซึ่งบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนการสอน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหรือช่องทางสำหรับผู้สอนส่งไปถึงผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายที่ผู้สอนวางไว้ได้เป็นอย่างดีเอดการ์ เดล (Edgar Dale) ได้จัดแบ่งสื่อการสอนเพื่อเป็นแนวทางในการอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสื่อโสตทัศนูปกรณ์ต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงขั้นตอนของประสบการณ์การเรียนรู้ และการใช้สื่อแต่ละประเภทในกระบวนการเรียนรู้ด้วย โดยพัฒนาความคิดของ Bruner ซึ่งเป็นนักจิตวิทยา นำมาสร้างเป็น “กรวยประสบการณ์” (Cone of Experiencess) โดยแบ่งเป็นขั้นตอนดังนี้
1) ประสบการณ์ตรง โดยการให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรงจากของจริง เช่น การจับต้อง และการเห็น เป็นต้น
2) ประสบการณ์รอง เป็นการเรียนโดยให้ผู้เรียนเรียนจากสิ่งที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด ซึ่งอาจเป็นการจำลองก็ได้
3) ประสบการณ์นาฏกรรมหรือการแสดง เป็นการแสดงบทบาทสมมติหรือการแสดงละคร เนื่องจากข้อจำกัดด้วยยุคสมัยเวลา และสถานที่ เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวที่เป็นนามธรรม เป็นต้น 4) การสาธิต เป็นการแสดงหรือการทำเพื่อประกอบคำอธิบายเพื่อให้เห็นลำดับขั้นตอนของการกระทำนั้น
5) การศึกษานอกสถานที่ เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ภายนอกสถานที่เรียน อาจเป็นการเยี่ยมชมสถานที่ การสัมภาษณ์บุคคลต่าง ๆ เป็นต้น
6) นิทรรศการ เป็นการจัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้สาระประโยชน์แก่ผู้ชม โดยการนำประสบการณ์หลายอย่างผสมผสานกันมากที่สุด
7) โทรทัศน์ โดยใช้ทั้งโทรทัศน์การศึกษาและโทรทัศน์การสอนเพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เรียนหรือผู้ชมที่อยู่ในห้องเรียนหรืออยู่ทางบ้าน
8) ภาพยนตร์ เป็นภาพที่บันทึกเรื่องราวลงบนฟิล์มเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ทั้งภาพและเสียงโดยใช้ประสาทตาและหู
9) การบันทึกเสียง วิทยุ ภาพนิ่ง อาจเป็นทั้งในรูปของแผ่นเสียง เทปบันทึกเสียง วิทยุ รูปภาพ สไลด์ ข้อมูลที่อยู่ในขั้นนี้จะให้ประสบการณ์แก่ผู้เรียนที่ถึงแม้จะอ่านหนังสือไม่ออกแต่ก็จะสามารถเข้าใจเนื้อหาได้
10) ทัศนสัญลักษณ์ เช่น แผนที่ แผนภูมิ หรือเครื่องหมายต่าง ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งของต่าง ๆ

คุณค่าของมัลติมีเดียเพื่อการเรียนการสอน การใช้มัลติมีเดียเป็นสื่อการสอน ทำให้การสอนมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้สื่อการสอนธรรมดา และสามารถเสนอเนื้อหาได้ลึกซึ้งกว่าการสอนตามปกติ เช่น การเตรียมการเรียนการสอนเป็นขั้นเป็นตอน และการใช้สื่อประเภทภาพประกอบการบรรยาย ใช้ข้อความนำเสนอรายละเอียดพร้อมภาพเคลื่อนไหว ทำให้การสอนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีแนวโน้มในการใช้มัลติมีเดียในการเรียนการสอนและฝึกอบรมสูงขึ้นเช่น หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-Book)หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-Book) หมายถึง หนังสือหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ สามารถอ่านผ่านทางอินเตอร์เน็ตหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆได้ มักใช้เพื่อเป็นสื่อแทนหนังสือ หรือตำรา หรือใช้เพื่อเป็นสื่อเสริมการเรียนด้วยตนเอง - ระบบการเรียนการสอนทางไกล(Distance Learning) ระบบการเรียนการสอนทางไกล(Distance Learning) หมายถึง การเรียนการสอนที่มีผู้เรียนและผู้สอนอยู่คนละสถานที่ มีการใช้สื่อทางโทรคมนาคม เป็นตัวประสานการติดต่อระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน จุดเด่นของระบบการเรียนการสอนทางไกล
1)การเลือกใช้สื่อคมนาคมในการติดต่อ
2)การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น
3)การปรับปรุงระบบการทำงานหลังการติดตั้ง
4)สะดวกต่อการใช้
5)ยืดหยุ่นต่อการเชื่อมต่อ กระบวนการเรียนการสอนในปัจจุบัน มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาจัดการข้อมูลข่าวสารในห้องเรียน รูปแบบของการสื่อสารที่นำมาใช้ในการเรียนมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมในการนำมาใช้ เช่น บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน(CAI) การเรียนการสอนผ่านทางอินเตอร์เน็ต(E-Learning) มัลติมีเดีย(Multimedia) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-Book) ระบบการเรียนการสอนทางไกล(Distance Learning) วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ วิดีทัศน์ตามคำขอ(VDO-On-Demand)มัลติมีเดียบนเว็บกับสังคมการเรียนรู้ เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตและเว็บที่มีบทบาทเป็นแหล่งสารสนเทศและการกระจายข้อมูล ทำให้การศึกษาบนเว็บเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่มีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ช่วยเสริมแรงในการเรียนรู้ เนื้อหาง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลทั่วโลกและข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และเนื่องจากมัลติมีเดียบนเว็บเป็นสื่อสำคัญของการเรียนรู้ ทั้งลักษณะของการเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภค การสร้างและพัฒนามัลติมีเดียบนเว็บ จึงควรอยู่บนพื้นฐานของการออกแบบ เพื่อการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ